จากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ได้โดยไม่ต้องชาร์จ และต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้แท่นชาร์จต่าง ๆ เริ่มมีมากขึ้นแล้ว ต่างจังหวัดก็เริ่มมีแท่นชาร์จตามจุดต่าง ๆ เช่น กฝภ. หรือตามปั๊มน้ำมันที่เริ่มมีแล้ว รวมถึงผู้ให้บริการชาร์จรถไฟฟ้ากระจายอยู่หลาย ๆ ที่ ซึ่งผมคิดว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้เราคงจะเห็นสถานที่ชาร์จรถไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงผู้ให้บริการสถานีเติมน้ำมันหลาย ๆ ค่ายเองก็เริ่มมีการติดตั้งระบบชาร์รถไฟฟ้ามากขึ้นแล้ว ผมว่านี่คือโอกาสใหม่ และเชื่อว่ารถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่เราคิดกันไว้เยอะเลยทีเดียว เพราะบนท้องถนนก็เริ่มมีมากขึ้น ๆ ใครที่มีบ้านและเดินทางไม่เกิน 100-200 กม. ผมแนะนำว่ารถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีมาก เพราะว่าไม่มีค่าน้ำมันเลยเป็นการจ่ายค่าไฟฟ้าแทน แต่หากบ้านคุณติดตั้งโซล่าร์รูฟหรือแผงโซล่าร์บนหลังคา บอกได้เลยว่ายิ่งประหยัดมาก ผมว่าน่าจะลองดูเพราะตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกถึง 17 รุ่นแล้วในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะมาจากจีน เช่น ของ Great Wall Motor หรือ MG สองเจ้านี้ขายดีมาก Nissan เองก็มี Nissan Leaf ใครต้องการรถหรูหน่อย MINI ก็มี หรือจะเป็น Volvo, BMW, Audi หรือขึ้นไปถึงระดับ Porsche, Jaguar ก็มีหมดแล้วเช่นกัน ตอนนี้ในเมืองไทยมีตัวเลือกรถไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ ใครที่อยากจะลองดูบอกได้เลยว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ
ปกติผมใช้รถปลั๊กอินไฮบริดอยู่แล้ว เป็นรถที่เติมน้ำมันได้และมีแบตเตอรีในตัว แต่วิ่งได้ประมาณสัก 40 กม. คือใช้ได้สองโหมด ถ้าขับวนอยู่แถวบ้านไปไม่ไกลมากเดือนหนึ่ง ๆ แทบไม่ต้องเติมน้ำมันเลยนะ บังเอิญผมมีโอกาสได้เทสต์รถไฟฟ้าของค่ายจีน ORA ของ Great Wall Motor ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ทดลองขับรถที่เป็นรถไฟฟ้าจริง ๆ รถที่ผมขับชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้ประมาณ 400 กม.