วัดขา C กับขา E ให้วัดและสลับสายวัด ใช้ Rx10K สำหรับทรานซิสเตอร์ชนิดซิลิกอน และ Rx1K สำหรับเจอร์เมเนียม ถ้าทรานซิสเตอร์ดีเข็มขึ้นมาก 1 ครั้ง และเข็มไม่ขึ้น 1 ครั้ง ( หรือขึ้นน้อยก็ได้) เสียลักษณะขาดวัดแล้วเข็มไม่ขึ้นเลยสักครั้ง เสียลักษณะช๊อตวัดแล้วเข็มขึ้นสุดสเกลทั้ง 2 ครั้ง วัดขา C กับขา E เข็มขึ้นมาก 1 ครั้ง สลับสายวัด วัดขา C กับขา E เข็มไม่ขึ้น 1 ครั้ง ( อาจขึ้นน้อยชี้ใกล้แถว ∞) การวัดหาขา B-C-E ของทรานซิสเตอร์ 1. การวัดหาขา B ให้ใช้ R x 10 สุ่มวัดจะเจอครั้งที่เข็มขึ้นมาก 2 ครั้ง ตรงจุดนี้คือคอมมอนของไดโอด พิจารณารูปด้านล่างจะทราบทั้งชนิดของทรานซิสเตอร์และตำเหน่งของขา B สายวัดสีดำมีขั้วไฟ + ดังนั้นเป็นทรานซิสเตอร์ชนิด NPN สายสีดำคือขา B วัดแล้วเข็มขึ้นเพราะไดโอดได้รับไออัสตรง สายวัดสีแดงมีขั้วไฟ - ดังนั้นเป็นทรานซิสเตอร์ชนิด PNP สายสีแดงคือขา B วัดแล้วเข็มขึ้นเพราะไดโอดได้รับไออัสตรง 2.
2V ซิลิกอนไดโอดต้องจ่ายแรงดัน 0. 6V ในทำนองเดียวกันเมื่อจ่ายแรงดันไบอัสกลับให้กับ ไดโอด จจะไม่มีกระแสไหลในวงจรจะมีเพียงกระแสรั่วไหลซึ่งเป็นค่าน้อยมากระดับไมโครแอมป์เปรียบเหมือนว่าไดโอดไม่นำกระแส แต่ถ้าเพิ่มแรงดันไบอัสกลับสูงขึ้นถึงจุดจุดหนึ่งเรียกว่า แรงดันพังทลาย (Breakdown Voltage) จะทำให้กระแสไหลผ่านไดโอดจำนวนมาก ซึ่งการใช้งานทั่วไปจะไม่ยอมให้แรงดันไบอัสกลับเกินกว่าแรงดันพังทลาย กราฟคุณสมบัติไดโอด >>วิธีการตรวจวัดไดโอด อ้างอิงแหล่งที่มาจาก: **หนังสือเรียนวิชางานไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ รหัส 3100-0003 มงคล พรหมเทศ, ณรงค์ชัย กล่มสมุทร **หนังสือเรียนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร รหัส 2104-2205, 2104-2112, 0105-0003 อดุลย์ กัลยาแก้ว
วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ. ศ. 2553 >>การวัดไดโอด ก่อนที่เราจะทำการวัดไดโอดว่าตัวนำดีหรือเสียนั้น จะต้องรู้โครงสร้างของไดโอดก่อน จึงใคร่ขอกล่าวเกี่ยวกับโครงสร้างและทฤษฏีของไดโอด ไดโอดประกอบด้วยสารกึ่งตัวนำชนิด P และชนิด N นำมาต่อกัน โดยจากรูปจะเกิด 1 รอยต่อ มีขาที่ออกจากสารกึ่งตัวนำชนิด P เรียกว่า อาโนด (A) และขาที่ออกจากสารกึ่งตัวนำชนิด N เรียกว่า คาโถด (K) ดังนั้นไดโอดทำงานได้ โดยการป้อนไฟเข้า วิธีการป้อนไฟเรียกว่า การไบอัส การไบอัสมี 2 วิธี คือ ไบอัสตรงและไบอัสกลับ 1. ไบอัสตรง คือการป้อนไฟบวก (+) เข้าที่ขาอาโนด (A) และป้อนไฟลบ (-) เข้าที่ขาคาโถด (K) 2. ไบอัสกลับ คือการป้อนไฟลบ (-) เข้าที่ขาคาโถด (K) และป้อนไฟบวก (+) เข้าที่ขาอาโนด (A) เมื่อรู้พื้นฐานทฤษฏีและโครงสร้างภายใน ดังนั้นวิธีการวัดไดโอดคือ 1. ตั้งมิเตอร์ย่านโอห์ม RX1 หรือ RX10 2. นำไดโอดมาวัด โดยตามหลักการตามทฤษฏี เมื่อวัดมิเตอร์จะขึ้น 1 ครั้ง และเมื่อกลับไดโอดเข็มมิเตอร์จะไม่ขึ้น 1 ครั้ง ถือว่าไดโอดใช้งานได้ หมายเหตุ 1. มิเตอร์ขั้ว + ไฟที่จ่ายคือไฟลบ และมิเตอร์ขั้ว - ไฟที่จ่ายคือไฟบวก เขียนโดย sodkan ที่ วันจันทร์, กันยายน 06, 2553 ไม่มีความคิดเห็น: แสดงความคิดเห็น หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น
เขียนโดย Administrator วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฏาคม 2016 เวลา 06:13 น.
ลำดับที่ รูปภาพ รายการพระที่เปิดประมูล ราคาปัจจุบัน ผู้ชนะประมูล ราคาปิดประมูล ผู้ชม ผู้ร่วมประมูล ผู้เปิดประมูล 83368 เคาะเดียวครับ 800 10 0 สมัครสมาชิก คลิก 83367 ลป ศุข/เคาะเดียว 6 83366 วัดพรหมรังษี หลังสิงห์.... เคาะ เดียว 100 4 sinchai99 [ 2053][ 154] 83365 ปีลึก..... เคาะเดียว 1 83364 สมเด็จอินเดีย เนื้อผงน้ำมัน..... เคาะเดียว 2 83363 พระพุทธเนื้อแห้งเก่า...... เคาะ 83362 พิมพ์เล็บมือ หลังยันต์...... เค าะเดียว 83361 สมเด็จวัดประสาท06 เบาได้เบาจ๊ะ [ 35][ 1] 83360 แท้ไม่ทราบที่เคาะเดียว 7 ศิลปศิลาแลง [ 130][ 8] 83359 พระผงสัพพัญญู วัดโพธิ์แมน ปี25 02 สวยเดิม(0. 1)) 200 12 ศิริโชคอนันต์ [ 1260][ 76] 83358 400รวมส่ง 300 14 Tantikorn11 [ 3][ 0] 83357 พระสมเด็จหลวงพ่อทองศุข วัดโตนด หลวง 9 PS13 [ 647][ 61] 83356 83355 แท้ไม่ทราบที่และเกจิ อุ้ย34 [ 2][ 0] 83354 หลังยันต์แท้ๆ...... เคาะเดียว 17 83353 เนื้อแห้งเก่าแท้...... เคาะเดีย ว 15 83352 สมเด็จไม่ทราบที่ครับ 18 Santissss [ 270][ 23] 83351 รูปเหมือนเก่าๆ แท้มีอายุ..... เ คาะเดียว ปิดประมูล ekaryoku888 150 20 83350 ล้อวัดพลับ ทราบยุค ทราบวัด...... เคาะเดียว 13 83349 เนื้อดิน...... เคาะเดียว 83348 พระสังกัจจาย.. หลวงพ่อกวย ปี15 สวยๆ เคาะเดียว 300 ครับ.
1V 1mA ขั้นตอนการวัด Diode ด้วยดิจิตอลมัลติมิเตอร์ 1. เสียบสายวัดสีดำเข้ากับพอร์ตชื่อ COM และสายวัดสีแดงเข้ากับพอร์ตชื่อ VΩmAµA ตามรูป จากนั้นปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปที่ย่านวัดไดโอด หน้าจอจะแสดงสัญลักษณ์ไดโอด 2. ต่อสายวัดสีแดง ( ไฟ +) เข้ากับขาแอโนด ( ขั้ว +) และต่อสายวัดสีดำ ( ไฟ -) เข้ากับขาแคโทด ( ขั้ว -) ตามรูปนี้เรียกว่าการไบอัสตรงหน้าจอจะแสดงแรงดันตกคร่อมไดโอด 0. 8V หมายถึงไดโอดสภาพดี เสียบสายวัดเข้าตามรูปนี้ เสียบสายวัดสีดำเข้ากับพอร์ตชื่อ COM เมื่อจ่ายไฟไบอัสตรงจะมีแรงดันตกคร่อมไดโอด 0. 8V หมายถึงไดโอดสภาพดี 3. ต่อสายวัดสลับกับขั้ว 2 เพื่อจ่ายไบอัสกลับให้ไดโอดโดย สีแดง ( ไฟ +) เข้ากับขาแคโทด ( ขั้ว -) และต่อสายวัดสีดำ ( ไฟ -) เข้ากับขาแอโนด ( ขั้ว +) ไดโอดสภาพดีหน้าจอจะแสดง OL 4. การวัดไดโอดต้องวัดขณะที่ไม่มีไฟ หรือวัดนอกวงจร ให้ปิดสวิตช์และถอดปลั๊กก่อนวัดทุกครั้ง เมื่อไบอัสกลับให้ไดโอด ไดโอดสภาพดี หน้าจอจะแสดง OL สรุปการวัดไดโอด 1. ไดโอดสภาพดีจะแสดงแรงดันตกคร่องไดโอด 0. 8V 1 ครั้ง และหน้าจอแสดง OL 1 ครั้ง 2. ไดโอดขาด เมื่อวัดและสลับสายแล้ววัดหน้าจอจะแสดง OL ทั้ง 2 ครั้ง 3. ไดโอดซ๊อต เมื่อวัดและสลับสายแล้ววัดหน้าจอจะแสดง 0.
การให้ไบแอสตามหรือเรียกว่า ฟอร์เวิร์ดไบแอส (FORWARD BIAS) การให้ไบแอสแบบนี้คือ ต่อขั้วบวกของแรงดันไฟตรงเข้ากับสารกึ่งตัวนำประเภทพีและต่อขั้วลบของแรงดัน ไฟตรงเข้ากับสารกึ่งตัวนำประเภทเอ็น ตามรูป การต่อไบแอสตามให้กับไดโอดจะทำให้มีกระแสไหลผ่านตัวไดโอดได้ง่ายเหมือนกับไดโอดตัวนั้นเป็นสวิตซ์อยู่ในลักษณะต่อทำให้สารกึ่งตัวนำประเภทพีและสารกึ่งตัวนำประเภทเอ็นมีค่าความต้านทานต่ำ กระแสไฟจึงไหลผ่านไดโอดได้ 2.
ตัวเก็บประจุ (capacitor) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สะสมประจุไฟฟ้า ตัวเก็บประจุแบบไม่มีขั้ว ตัวเก็บประจุแบบที่มีขั้ว ขาด้านซ้ายจะเป็นขาบวก โดยมากตัวถังของตัวเก็บประจุจะมีแถบที่ระบุขั้วลบ ตัวเก็บประจุแบบปรับค่าได้ 4.
ทรานซิสเตอร์ (transistor) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทสารกึ่งตัวนำเช่นเดียวกับได โอด โดยมีขาเชื่อมต่อสามขาคือขาเบส (Base หรือ B) ขาคอเล็กเตอร์ (Collector หรือ C) และขาอีมิตเตอร์ (Emitter หรือ E) กระแสที่ไหลเข้าหรือออกจากขา B จะควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าจากขา Eไปยังขา C ทรานซิสเตอร์มีสองประเภทคือประเภท PNP และ ประเภท NPN โดยในการแยกแยะระหว่างทรานซิสเตอร์ทั้งสองประเภทต้องดูหมายเลขของอุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์แบบ NPN ทรานซิสเตอร์แบบ PNP โฟโตทรานซิสเตอร์ (photo transistor) 6. อุปกรณ์อื่นๆ ออปแอมป์ (op-am) เป็นอุปกรณ์สำหรับขยายสัญญาณ โดยปกติอุปกรณ์ดังกล่าวจะอยู่ในรูปของไอซี โดยไอซีตัวหนึ่งอาจมีออปแอมป์อยู่ภายในได้หลายตัว คริสตัล (crystal) เป็นตัวกำเนิดสัญญาณนาฬิกา ลำโพง หม้อแปลง รีเลย์ 7. ขั้วต่อไฟและสายดิน ต่อกับแหล่งจ่ายไฟ 5 โวลต์ สายดิน 8. หัวต่อต่างๆ เทอร์มินอลบล็อก เพาเวอร์แจ็ค ขั้วต่อ ชุดขาจัมป์เปอร์ คอนเนคเตอร์ 9. การเชื่อมสายสัญญาณ สายสัญญาณที่เชื่อมต่อกัน การลากข้าม
สัญลักษณ์ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง เครื่องหมายต่างๆ ที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดขึ้นใช้สำหรับแทนอุปกรณ์ต่างๆ ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สัญลักษณ์ที่ใช้ในวงจร( Circuit and Eletronic Symbols) สัญลักษณ์แทนตัวอุปกรณ์จะถูกใช้ใน แผนภาพวงจร เพื่อแสดงให้เห็นการต่อเข้าด้วยกันของวงจร แต่รูปแบบตัวอุปกรณ์จริงจะแตกต่างจากแผนภาพวงจร ฉะนั้นในการสร้างวงจรจึงจำเป็นต้องมีแผนภาพแสดงการวางอุปกรณ์บน สตริปบอร์ด หรือ แผ่นปริ้นท์ มีสัญลักษณ์ดังนี้ 1. สวิตช์ (Switch) เป็นอุปกรณ์สำหรับตัดหรือเชื่อมต่อวงจรหรือสัญญาณไฟฟ้า สัญลักษณ์ คำอธิบาย ตัวอย่างจริง สวิตช์กดติด กดดับ สวิตช์กดติดปล่อยดับ หรือ สวิตช์ปกติตัด ถ้าไม่กดวงจรจะตัด ถ้ากดวงจรจะต่อ สวิตช์กดดับปล่อยติด หรือสวิตช์ปกติต่อ ถ้าไม่กดวงจรจะต่อ ถ้ากดวงจรจะตัด สวิทช์โยก สำหรับเลือก สวิตช์โยกแบบขนาน สวิตช์เลื่อน สวิตช์เลื่อนแบบขนาน 2. ตัวต้านทาน (resister) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า ถ้าตัวต้านทานมีค่าความต้านทานมากกระแสจะไหลได้น้อย ในทางกลับกันถ้ามีค่าความต้านทานน้อยกระแสจะไหลได้มาก ตำอธิบาย ตัวต้านทานแบบไม่สามารถปรับค่าได้ ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้ ตัวต้านทานแบบ SIP ตัวต้านทานแปรค่าตามแสง (LDR) เทอร์มิสเตอร์ 3.